
แนวทางเลือกบริษัทนําเข้าเครื่องสําอางเกาหลี ให้ถูกใจคนทำธุรกิจ
ตุลาคม 5, 2024
การเลือกโรงงานเครื่องสำอางมาสร้างแบรนด์ ต้องรู้อะไร
ตุลาคม 13, 2024การทำธุรกิจผลิตแบรนด์ส่วนตัว การเลือกวิธีการผลิตสินค้าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจคือการใช้บริการโรงงานรับจ้างผลิต แต่รู้หรือไม่ว่ามีความแตกต่างระหว่าง OEM และ ODM ที่คุณควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเริ่มธุรกิจค่ะ
หัวข้อเนื้อหา

OEM คืออะไร
OEM หรือ Original Equipment Manufacturer คือโรงงานที่รับจ้างผลิตตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้สูตรหรือแบบที่ลูกค้ากำหนด จากนั้นลูกค้าจะนำผลิตภัณฑ์ไปติดแบรนด์ของตัวเองค่ะ
ลองนึกภาพเหมือนกับการทำครีมบำรุงผิวตามสูตรที่เราคิดค้นขึ้นมาเอง แต่ให้โรงงานเป็นคนลงมือผลิตแทนเราค่ะ เราบอกส่วนผสมและสัดส่วนที่ต้องการ แต่โรงงานเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบและผลิตให้ในปริมาณมาก
ข้อดีของ OEM
- ประหยัดต้นทุนในการตั้งโรงงานเอง ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูงมากในการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
- มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนธุรกิจ เช่น หากต้องการเปลี่ยนจากการผลิตครีมบำรุงผิวเป็นเซรั่ม ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่
- มีผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตคอยให้คำปรึกษา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
เจาะลึก OEM
การทำ OEM นั้นมีข้อดีมากมาย โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีความรู้เฉพาะทางด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แต่อาจไม่มีประสบการณ์ในการผลิตจริง การใช้บริการ OEM จะช่วยให้คุณสามารถนำความรู้และไอเดียมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นสูตรเซรั่มต้านริ้วรอยใหม่ แต่ไม่มีโรงงานของตัวเอง การใช้บริการ OEM จะช่วยให้คุณสามารถผลิตเซรั่มตามสูตรของคุณได้ในปริมาณมาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน

ODM แตกต่างจาก OEM อย่างไร
ODM หรือ Original Design Manufacturer ไม่ได้เป็นแค่โรงงานรับจ้างผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้พัฒนาสูตรและออกแบบผลิตภัณฑ์เวชสำอางให้ด้วยค่ะ เปรียบเสมือนกับการไปร้านเวชสำอางที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย เราสามารถเลือกครีมหรือเซรั่มที่เขาคิดสูตรไว้แล้ว หรือขอให้เขาปรับแต่งสูตรเล็กน้อยตามความต้องการของเราได้ และบริษัทหรือโรงงานที่ให้บริการ ODM จะมีส่วนของการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นใบอนุญาต อย. การออกแบบฉลากสินค้า ออกแบบแพคเกจสินค้า แบบครบวงจร
ข้อดีของ ODM
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการพัฒนาสูตร
- สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เช่น ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมเฉพาะตัว
- ประหยัดเวลาในการคิดค้นและพัฒนาสูตรเอง ซึ่งอาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
เจาะลึก ODM
การทำ ODM ในธุรกิจด้านความงามนั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่มีไอเดียทางการตลาด แต่อาจไม่มีความรู้ลึกซึ้งในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ การใช้บริการ ODM จะช่วยให้คุณสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับการพิสูจน์แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์คุณได้
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย คุณสามารถเลือกสูตรครีมกันแดดที่อ่อนโยนจากโรงงาน ODM และขอให้เพิ่มสารสกัดจากธรรมชาติที่คุณต้องการ เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่าง

ทำไมต้องรู้เรื่อง OEM และ ODM ก่อนเริ่มสร้างแบรนด์ตัวเอง
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง OEM และ ODM จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าวิธีไหนเหมาะกับธุรกิจเวชสำอาง หรือ เครื่องสำอางของคุณมากกว่ากันค่ะ
หากคุณมีสูตรเวชสำอางที่คิดค้นขึ้นเองและต้องการควบคุมทุกขั้นตอนการผลิต OEM อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาสูตรและมีเวลาจำกัด ODM อาจเหมาะสมกว่า
เปรียบเทียบง่ายๆ OEM เหมือนการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาผลิตครีมบำรุงผิวตามสูตรของเรา ส่วน ODM เหมือนการไปเลือกซื้อครีมที่ร้านเครื่องสำอางที่มีนักวิทยาศาสตร์คอยคิดค้นสูตรใหม่ๆ ให้เราได้เลือกค่ะ
OBM อีกทางเลือกสำหรับธุรกิจของคุณ
นอกจาก OEM และ ODM แล้ว ยังมี OBM หรือ Original Brand Manufacturer ซึ่งเป็นการที่บริษัทผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองทั้งหมด เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและประสบการณ์
OBM เปรียบเสมือนการเปิดแบรนด์ของตัวเอง ที่เราต้องลงทุนทั้งโรงงาน ห้องวิจัย และทีมนักวิทยาศาสตร์ แต่ก็ได้ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเองค่ะ

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกระหว่าง OEM ODM และ OBM
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง OEM ODM และ OBM จะช่วยให้คุณวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเลือกวิธีการผลิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุดค่ะ ลองมาดูปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณากันค่ะ
1. ความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์
- OEM เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะคุณสามารถควบคุมสูตรได้ทั้งหมด เหมือนกับการที่คุณมีสูตรครีมบำรุงผิวที่ผสมสารสกัดจากดอกซากุระที่ไม่มีใครเหมือน
- ODM อาจมีข้อจำกัดในเรื่องความเป็นเอกลักษณ์ เพราะสูตรพื้นฐานอาจคล้ายคลึงกับแบรนด์อื่น แต่คุณสามารถขอปรับแต่งบางส่วนได้ เช่น เพิ่มกลิ่นหอมพิเศษในครีมกันแดด
- OBM ให้อิสระสูงสุดในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะคุณควบคุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การวิจัยไปจนถึงการผลิต
2. ต้นทุนและความเสี่ยง
- OEM มีต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า เพราะคุณไม่ต้องลงทุนในโรงงานและเครื่องจักร แต่ต้นทุนต่อหน่วยอาจสูงกว่าเมื่อผลิตในปริมาณมาก
- ODM มักมีต้นทุนเริ่มต้นต่ำที่สุด เพราะคุณสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วและปรับแต่งเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองตลาดก่อน
- OBM มีต้นทุนเริ่มต้นสูงที่สุด เพราะต้องลงทุนในทุกด้าน แต่อาจมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำที่สุดในระยะยาวหากธุรกิจประสบความสำเร็จ
3. ความเร็วในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด
- OEM อาจใช้เวลานานกว่าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพราะต้องเริ่มจากการคิดสูตรเอง แต่หากมีสูตรพร้อมอยู่แล้ว กระบวนการผลิตอาจเร็วกว่า ODM
- ODM มักเร็วที่สุดในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด เพราะมีสูตรพร้อมอยู่แล้ว คุณสามารถเลือกและปรับแต่งได้ทันที
- OBM อาจใช้เวลานานที่สุด เพราะต้องผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาทั้งหมด แต่ก็ให้อิสระในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้มากที่สุด
4. การควบคุมคุณภาพ
- OEM ให้คุณควบคุมคุณภาพได้มากกว่า ODM เพราะคุณกำหนดสูตรเอง แต่ยังต้องพึ่งพาความเชี่ยวชาญของโรงงานในกระบวนการผลิต
- ODM อาจมีข้อจำกัดในการควบคุมคุณภาพ เพราะสูตรพื้นฐานเป็นของโรงงาน แต่โรงงานที่มีชื่อเสียงมักมีมาตรฐานการผลิตที่ดีอยู่แล้ว
- OBM ให้อิสระสูงสุดในการควบคุมคุณภาพ เพราะคุณดูแลทุกขั้นตอน แต่ก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดหากเกิดปัญหา

กรณีศึกษา: แบรนด์เวชสำอางที่ประสบความสำเร็จ
เราลองมาดูตัวอย่างแบรนด์เวชสำอางที่ใช้วิธีการผลิตแบบต่างๆ และประสบความสำเร็จกันค่ะ
แบรนด์ A: ความสำเร็จแบบ OEM
แบรนด์ A เริ่มต้นจากเภสัชกรที่มีความรู้ด้านส่วนผสมเวชสำอางเป็นอย่างดี เธอพัฒนาสูตรครีมบำรุงผิวที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติในท้องถิ่น และใช้บริการ OEM ในการผลิต ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานเอง
แบรนด์ B: การเติบโตด้วย ODM
แบรนด์ B เริ่มจากนักการตลาดที่เห็นช่องว่างในตลาดเวชสำอางสำหรับผู้ชาย เขาเลือกใช้บริการ ODM ในการผลิตครีมบำรุงผิวและเซรั่มสำหรับผู้ชาย โดยเลือกสูตรที่มีอยู่แล้วและขอปรับกลิ่นให้เป็นแบบ unisex ทำให้สามารถนำสินค้าออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว
แบรนด์ C: ความยิ่งใหญ่แบบ OBM
แบรนด์ C เป็นบริษัทใหญ่ที่มีทีมวิจัยและพัฒนาของตัวเอง พวกเขาใช้ระบบ OBM ในการผลิตเวชสำอางทั้งหมด ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้อย่างเข้มงวดและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะใช้เงินลงทุนสูง แต่ก็สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว

เลือกวิธีที่ใช่สำหรับคุณ
การเลือกระหว่าง OEM ODM และ OBM ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ทุกวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดของตัวเอง สิ่งสำคัญคือการเลือกให้เหมาะกับเป้าหมาย ทรัพยากร และวิสัยทัศน์ของธุรกิจคุณค่ะ
OEM เหมาะกับคุณหากคุณมีสูตรเฉพาะตัวและต้องการควบคุมคุณภาพ แต่ยังไม่พร้อมลงทุนสร้างโรงงานเอง
ODM อาจเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจอย่างรวดเร็วและมีงบประมาณจำกัด
OBM เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความพร้อมสูงและต้องการควบคุมทุกขั้นตอนเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน สิ่งสำคัญคือการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นั่นคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจค่ะ
Mewon Korean Cosmetics ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตเวชสำอางโดยโรงงานคุณภาพชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้มายาวนานกว่า 9 ปี ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการจัดหาเครื่องสำอางและเวชสำอางทุกชนิดจากเกาหลี สนใจติดต่อมาได้ที่ Facebook Fanpage ของเรากันได้เลยค่ะ