
สิวอุดตันเกิดจากอะไร วิธีการป้องกันที่ใครๆ ก็ทำได้
มิถุนายน 1, 2025
รีไทนอลคืออะไร ประโยชน์และวิธีใช้สำหรับผิวหน้า
มิถุนายน 8, 2025รอยแผลเป็นบนใบหน้าเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยทำงานที่มักมีประสบการณ์กับรอยแผลเป็นจากสิวในอดีต แม้ว่าเครื่องสำอางจะไม่สามารถรักษารอยแผลเป็นได้จริงๆ แต่สามารถช่วยปกปิดให้ดูเรียบเนียนและเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเรียนรู้เทคนิคการปกปิดที่ถูกต้องจะช่วยให้เราสามารถสร้างผิวหน้าที่ดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นทักษะที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการรักษาที่คลินิกเสริมความงามค่ะ
หัวข้อเนื้อหา
ทำความเข้าใจกับรอยแผลเป็นบนใบหน้า
รอยแผลเป็นเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังชั้นใน หรือเดอร์มิส ได้รับความเสียหาย เมื่อเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่เพื่อซ่อมแซม แต่เนื้อเยื่อใหม่นี้มักมีลักษณะและสีที่แตกต่างจากผิวปกติ
กระบวนการเกิดรอยแผลเป็นเหมือนการซ่อมแซมผนังบ้านที่ถูกทำลาย แม้จะได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่ร่องรอยของการซ่อมแซมยังคงมองเห็นได้ ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดรอยแผลเป็นมีหลายอย่าง เช่น อายุ ประเภทผิว ตำแหน่งของแผล และการดูแลในช่วงแรก
ผู้หญิงในวัย 30-45 ปีมักพบว่าผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจนลดลง ทำให้กระบวนการซ่อมแซมช้าลงและอาจเกิดรอยแผลเป็นได้ง่ายขึ้น การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เราเลือกวิธีการปกปิดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ เครื่องสำอางเป็นเพียงการปกปิดชั่วคราว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิวหนังหรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายได้จริง แต่สามารถช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจและดูดีขึ้นได้อย่างมาก
ประเภทของรอยแผลเป็นจากสิวที่พบบ่อย
การรู้จักประเภทของรอยแผลเป็นจะช่วยให้เราเลือกเทคนิคและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในการปกปิด แต่ละประเภทต้องใช้วิธีการที่แตกต่างกัน
รอยแผลเป็นแบบหลุมลึก (Icepick Scars) มีลักษณะเหมือนรูเล็กๆ ลึกลงไปในผิวหนัง มักเกิดจากสิวอักเสบรุนแรง รอยแผลเป็นประเภทนี้ท้าทายในการปกปิด เพราะมีความลึกและแคบ การใช้ไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคนจะช่วยเติมเต็มรูพรุนและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
รอยแผลเป็นแบบโค้งมน (Rolling Scars) มีลักษณะเป็นหลุมกว้างๆ ที่มีขอบโค้งมน ทำให้ผิวหน้าดูเป็นคลื่น เกิดจากการที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังติดกันและดึงผิวหน้าลงไป การใช้คอนซีลเลอร์ที่มีความครอบคลุมสูงร่วมกับเทคนิคการทาแบบเติมแสงจะช่วยปกปิดได้ดี
รอยแผลเป็นแบบสี่เหลี่ยม (Boxcar Scars) มีลักษณะเป็นหลุมที่มีขอบชัดเจนคล้ายกล่อง มักพบบนแก้มและบริเวณขมับ เกิดจากการที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังสูญเสียไป การใช้เครื่องสำอางที่มีความหนาแน่นสูงและเทคนิคการทาแบบชั้นต่อชั้นจะช่วยปกปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รอยดำจากสิว (Post-inflammatory Hyperpigmentation) แม้ไม่ใช่รอยแผลเป็นในตัว แต่เป็นปัญหาที่มักพบร่วมกัน เกิดจากการผลิตเมลานินมากเกินไปหลังการอักเสบ การใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสีตรงข้ามกับสีของรอยดำจะช่วยปกปิดได้ดี

เทคนิคการปกปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้วยเครื่องสำอาง
การเตรียมผิวก่อนการปกปิดเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูดีและทนทานยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยเครื่องสำอางล้างหน้าที่อ่อนโยน จากนั้นใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสมดุลผิว และทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื้น
การเลือกสีคอนซีลเลอร์ ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ สำหรับรอยแผลเป็นที่เป็นรอยดำ ให้เลือกคอนซีลเลอร์ที่มีสีอ่อนกว่าผิวประมาณ 1-2 เฉด สำหรับรอยแผลเป็นที่แดง ให้ใช้คอนซีลเลอร์สีเขียวอ่อนก่อน แล้วจึงทับด้วยคอนซีลเลอร์สีผิว
เทคนิคการทาคอนซีลเลอร์ ให้ใช้นิ้วนางหรือพู่กันเล็กทาลงบนรอยแผลเป็นโดยตรง จากนั้นใช้นิ้วเคาะเบาๆ เพื่อเกลี่ยให้เข้ากับผิวรอบข้าง หลีกเลี่ยงการถูหรือลาก เพราะจะทำให้ผลิตภัณฑ์หลุดออกมา
การใช้ฟาวน์เดชั่น หลังจากทาคอนซีลเลอร์แล้ว ให้ทาฟาวน์เดชั่นทับเบาๆ เพื่อให้สีเข้ากันและดูเป็นธรรมชาติ ใช้สปองเปียกหรือพู่กันเคาะเบาๆ บริเวณที่ปกปิด
การเซ็ตด้วยแป้งฝุ่น เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การปกปิดทนทานนานขึ้น ใช้แป้งฝุ่นโปร่งใสทาบเบาๆ บริเวณที่ปกปิดด้วยพู่กันนุ่มๆ

วิธีซ่อนรอยแผลเป็นแบบมืออาชีพ
การวิเคราะห์รอยแผลเป็น ก่อนเริ่มแต่งหน้า ให้สังเกตรอยแผลเป็นในแสงธรรมชาติ ดูว่าเป็นประเภทไหน มีสีอย่างไร และลึกแค่ไหน การรู้จักศัตรูจะช่วยให้เลือกวิธีการที่เหมาะสม
เทคนิคการเติมแสง (Color Correcting) ใช้หลักการสีตรงข้ามในวงจรสี สำหรับรอยแดงใช้สีเขียว สำหรับรอยดำใช้สีส้มหรือท่องอ่อน การทำ Color Correcting ก่อนจะทำให้การปกปิดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคนิคการทาแบบชั้นบาง คือการทาเครื่องสำอางทีละชั้นบางๆ แทนการทาหนาครั้งเดียว วิธีนี้จะช่วยให้ได้ความครอบคลุมที่ต้องการโดยไม่ดูหนาหรือเทียม เริ่มด้วยการทาคอนซีลเลอร์บางๆ รอให้แห้ง แล้วค่อยเพิ่มชั้นต่อไป
การใช้เทคนิคแสงเงา ช่วยหลอกตาให้รอยแผลเป็นดูไม่เด่นชัด โดยใช้สีอ่อนกว่าผิวทาบริเวณที่ต้องการให้ดูนูนขึ้น และใช้สีเข้มกว่าผิวทาบริเวณที่ต้องการให้ดูลึกลงไป
การผสมผสาน (Blending) เป็นหัวใจสำคัญของการปกปิดที่สวยงาม หลังจากทาคอนซีลเลอร์แล้ว ให้เกลี่ยขอบโดยรอบอย่างนุ่มนวล ใช้การเคาะเบาๆ แทนการถู การผสมผสานที่ดีจะทำให้ไม่เห็นขอบของเครื่องสำอางและดูเป็นธรรมชาติ

ครีมลบรอยแผลเป็นที่ช่วยรักษาได้จริง

แม้ว่าเครื่องสำอางจะช่วยปกปิดได้ แต่หากต้องการรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าจริงๆ จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมพิเศษ
เซรั่มวิตามินซี มีประสิทธิภาพในการลดรอยดำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิตามินซีช่วยยับยั้งการผลิตเมลานินที่มากเกินไปและช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น ใช้ตอนเช้าก่อนทาครีมกันแดดจะช่วยป้องกันความเสียหายและช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงเร็วขึ้น
ครีมรีไทนอล เป็นส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับในการช่วยลดรอยแผลเป็น รีไทนอลช่วยเร่งการหลุดล่อนของเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น ใช้ตอนกลางคืนและเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำก่อน
เจลซิลิโคน ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าช่วยลดรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซิลิโคนช่วยเก็บความชุ่มชื้นและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการรักษา
กรดผลไม้ (AHA/BHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยแผลเป็นตื้นๆ กรดผลไม้ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังและเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำ
การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอควบคู่กับการปกปิดด้วยเครื่องสำอางจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในระยะยาวจะช่วยปรับปรุงสภาพรอยแผลเป็นและลดความจำเป็นในการปกปิดค่ะ

คำถามที่พบบ่อย
เครื่องสำอางรักษารอยแผลเป็นได้จริงไหม
เครื่องสำอางไม่สามารถรักษารอยแผลเป็นได้จริง เป็นเพียงการปกปิดชั่วคราว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิวหนังหรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ หากต้องการรักษาจริงๆ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีส่วนผสมพิเศษ เช่น วิตามินซี รีไทนอล หรือกรดผลไม้
ควรใช้คอนซีลเลอร์สีไหนสำหรับรอยแผลเป็น
สำหรับรอยดำใช้คอนซีลเลอร์ที่อ่อนกว่าผิว 1-2 เฉด สำหรับรอยแดงใช้คอนซีลเลอร์สีเขียวอ่อนก่อน แล้วทับด้วยสีผิว การเลือกสีที่ถูกต้องจะช่วยให้การปกปิดดูเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ไหนช่วยรักษารอยแผลเป็นได้จริง
เซรั่มวิตามินซี ครีมรีไทนอล เจลซิลิโคน และกรดผลไม้ (AHA/BHA) เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยปรับปรุงรอยแผลเป็นได้จริง ใช้อย่างสม่ำเสมอจะเห็นผลในระยะยาว โดยควรเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำและค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผลจากการปกปิด
การปกปิดด้วยเครื่องสำอางจะเห็นผลทันทีหลังการแต่งหน้า ส่วนการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงอาจใช้เวลา 4-12 สัปดาห์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยแผลเป็นและความสม่ำเสมอในการใช้ผลิตภัณฑ์
การปกปิดรอยแผลเป็นจะทำให้เกิดสิวเพิ่มไหม
หากใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิวและล้างออกอย่างสะอาดหลังใช้ จะไม่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Non-comedogenic และทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งออยล์ก่อนล้างหน้าตามปกติ
การมีรอยแผลเป็นไม่ได้หมายความว่าเราต้องซ่อนตัวหรือรู้สึกไม่มั่นใจ ด้วยเทคนิคการปกปิดที่ถูกต้องและการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เราสามารถมีผิวหน้าที่สวยงามและมั่นใจได้ รอยแผลเป็นบอกเล่าเรื่องราวของเรา การเรียนรู้วิธีดูแลจะช่วยให้เราเข้าใจและยอมรับตัวเองมากขึ้นค่ะ
Mewon Korean Cosmetics ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าเวชสำอางโดยโรงงานคุณภาพชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้มายาวนานกว่า 10 ปี ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการจัดหาเครื่องสำอางและเวชสำอางทุกชนิดจากเกาหลี สนใจติดต่อมาได้ที่ Facebook Fanpage ของเรากันได้เลยค่ะ