
เรตินอล สารบำรุงผิวทรงพลังที่คุณไม่ควรมองข้าม
กรกฎาคม 13, 2024
เคล็ดลับผิวสวยด้วยการออกกำลังกาย 5 เหตุผลที่คุณต้องรู้เพื่อผิวงามอย่างยั่งยืน
กรกฎาคม 28, 2024การดูแลผิวใต้ตาเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงในช่วงอายุ 30-45 ปี เพราะบริเวณนี้มักเป็นจุดที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าและอายุที่เพิ่มขึ้น อาการใต้ตาหมองคล้ำเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และสามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้อย่างมาก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดอาการนี้ได้ค่ะ
หัวข้อเนื้อหา
1.นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับที่เพียงพอเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา เปรียบเสมือนการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับร่างกายและผิวพรรณของเรา ควรพยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน การนอนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอาการใต้ตาคล้ำได้ง่าย เพราะเมื่อร่างกายเหนื่อยล้า เลือดจะไหลเวียนไม่ดี ทำให้เกิดการคั่งของเลือดใต้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตา ส่งผลให้เห็นเป็นรอยใต้ตาหมองคล้ำชัดเจน

นอกจากนี้ การนอนในท่าที่ถูกต้องก็มีส่วนช่วยลดอาการใต้ตาคล้ำได้เช่นกัน ลองนอนโดยยกศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และลดการบวมน้ำบริเวณใต้ตา
2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับร่างกายและผิวพรรณ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการเกิดริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ตา เราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร แต่ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน และสภาพอากาศ

การดื่มน้ำเปรียบเสมือนการรดน้ำให้กับต้นไม้ ถ้าเราไม่รดน้ำ ต้นไม้ก็จะเหี่ยวเฉา เช่นเดียวกับผิวของเรา ถ้าขาดน้ำ ผิวก็จะดูหมองคล้ำ ไม่สดใส
3.ทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารที่เรารับประทานมีผลอย่างมากต่อสุขภาพผิว โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา ควรเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการบำรุงผิว
วิตามินซี – สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย พบได้ในผลไม้ตระกูลส้ม กีวี พริกหวาน และผักใบเขียว
วิตามินเค – ช่วยลดการอักเสบและการเกิดรอยคล้ำใต้ตา พบได้ในผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า บร็อคโคลี่
โอเมก้า 3 – ช่วยบำรุงผิวจากภายใน ทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ พบได้ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เปรียบเสมือนการใส่ปุ๋ยให้กับต้นไม้ ยิ่งเราใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากเท่าไหร่ ผิวพรรณก็จะยิ่งสวยงามจากภายในสู่ภายนอกมากขึ้นเท่านั้น
4.ใช้ชาเขียวประคบตา
ชาเขียวมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบ การใช้ถุงชาเขียวที่แช่เย็นประคบตาเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีในการลดอาการใต้ตาคล้ำ วิธีทำคือ แช่ถุงชาเขียวในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้เย็น แล้วนำมาวางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

การใช้ชาเขียวประคบตาเปรียบเสมือนการพอกหน้าด้วยมาส์กธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้สดใส ลดรอยคล้ำและถุงใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.นวดรอบดวงตาเบาๆ
การนวดบริเวณรอบดวงตาเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดการคั่งของของเหลวที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาและรอยคล้ำ ใช้นิ้วนางซึ่งเป็นนิ้วที่มีแรงกดน้อยที่สุด นวดเบาๆ รอบดวงตาเป็นวงกลม เริ่มจากหัวตาไปหางตา แล้ววนกลับมาที่หัวตา ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง วันละ 2 รอบ เช้าและก่อนนอน

การนวดรอบดวงตาเปรียบเสมือนการออกกำลังกายให้กับผิวบริเวณนั้น ช่วยให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาแข็งแรง ลดการหย่อนคล้อย และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น
6.ใช้แตงกวาแช่เย็น
แตงกวามีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น การใช้แตงกวาแช่เย็นวางบนตาเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีในการลดอาการใต้ตาคล้ำ วิธีทำคือ หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาวางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำเช่นนี้วันเว้นวัน

การใช้แตงกวาแช่เย็นวางบนตาเปรียบเสมือนการใช้มาส์กหน้าเฉพาะจุด ช่วยลดการบวมน้ำ ทำให้ผิวรอบดวงตาเย็นสบาย และช่วยให้รอยคล้ำจางลงได้ค่ะ
7.ลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน
การใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอนส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนอย่างมาก แสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์เหล่านี้จะรบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เรานอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน แทนที่จะใช้เวลากับหน้าจอ ลองหากิจกรรมผ่อนคลายอื่นๆ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ หรือทำสมาธิ

การลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนเปรียบเสมือนการเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับการพักผ่อน เหมือนกับการปิดไฟในบ้านเพื่อให้เราหลับสบายขึ้น
การนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ทุกวันจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการใต้ตาหมองคล้ำจะค่อยๆ จางลง ผิวรอบดวงตาจะดูสดใสและอ่อนเยาว์ ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูสดชื่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น เราขอแนะนำให้ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงอาจไม่เกิดขึ้นในทันที แต่ด้วยความอดทนและความสม่ำเสมอ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจอย่างแน่นอนค่ะ
วิธีเสริมอื่นๆ ที่สามารถช่วยลดอาการใต้ตาหมองคล้ำ
- การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของวิตามินเค วิตามินอี หรือกรดไฮยาลูโรนิก
- การทาครีมกันแดดบริเวณรอบดวงตาทุกวัน เพื่อป้องกันความเสียหายจากรังสียูวี
- การลดการรับประทานอาหารรสเค็มจัด เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำใต้ตาได้
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย
การดูแลผิวรอบดวงตาไม่ใช่เพียงเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพโดยรวมด้วย เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญและบอบบาง การดูแลผิวรอบดวงตาจึงเป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพตาในระยะยาวอีกด้วย แต่ไม่ใช่เราจะดูแลเพียงแค่ดวงตาเท่านั้น เราควรจะดูแลตัวเองควบคู่กันไป

การดูแลตัวเองไม่ได้หมายถึงแค่การใช้ผลิตภัณฑ์ราคาแพงหรือการทำทรีตเมนต์ที่ซับซ้อน แต่เป็นการใส่ใจในทุกๆ ด้านของชีวิต ทั้งการพักผ่อน การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด เมื่อเราดูแลตัวเองอย่างครบถ้วน ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่แค่ผิวที่สวยงาม แต่ยังรวมถึงสุขภาพที่ดีและความสุขในชีวิตด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ ความงามที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่การไม่มีริ้วรอยหรือรอยคล้ำใต้ตาเลย แต่อยู่ที่การยอมรับและรักตัวเองในทุกช่วงวัย การดูแลตัวเองไม่ใช่การปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย แต่เป็นการทำให้ตัวเองรู้สึกดีที่สุดในทุกๆ วันค่ะ
Mewon Korean Cosmetics ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตเวชสำอางโดยโรงงานคุณภาพชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้มายาวนานกว่า 9 ปี ยินดีให้คำปรึกษาและให้บริการจัดหาเครื่องสำอางและเวชสำอางทุกชนิดจากเกาหลี สนใจติดต่อมาได้ที่ Facebook Fanpage ของเรากันได้เลยค่ะ